Vistra Salmon Fish Oil 45 Tablets วิสทร้า น้ำมันปลาแซลมอน
Vistra Salmon Fish Oil 1000 mg
น้ำมันปลาแซลมอนต่างจากน้ำมันตับปลาตรงที่ น้ำมันตับปลานั้นจะสกัดจากตับของปลาทะเลบางชนิด ซึ่งมีวิตามิน A และ D ในปริมาณสูง จึงเหมาะสำหรับเสริมสร้างกระดูกและสายตา ซึ่งในน้ำมันปลามีน้อยกว่ามาก น้ำมันปลาแซลมอนเป็นแหล่งรวมสำคัญของกรดไขมันจำพวก โอเมก้า 3 สกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึกในเขตขั่วโลกเหนือ เป็นปลาชนิดเดียวที่สามารถว่ายทวนกระแสน้ำลึกได้ จึงถูกเลือกให้เป็นวัตถุดิบชั้นดีในการผลิตน้ำมันปลาคุณภาพสูง ซึ่งปลาแซลมอนเหล่านี้จะผลิตกรดไขมันชั้นดี ที่จำเป็นต่อการป้องกันการแข็งตัวของเลือดทำให้การไหลเลือดในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างจากชาวเอสกีโม ที่อาศัยอยู่ในขั่วโลกเหนือ นิยมรับประทานปลาเหล่านี้เป็นอาหารหลัก จึงได้รับกรดไขมันจำเป็นเหล่านี้อย่างครบถ้วน จึงทำให้ชาวเอสกีโมไม่ป่วยเป็นโรคหัวใจ และหลอดเลือด ทำให้ค้นพบว่าน้ำมันปลามีประโยชน์ในการป้องกัน หรือลดความรุนแรงของโรคหัวใจ ความดันเลือดสูง ข้ออักเสบ ปวดศีรษะ ไมเกรน และเบาหวาน นอกจากนี้ยังอาจจะป้องกันโรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคไต และโรคอื่นๆ ได้อีกด้วย และยังช่วยเพิ่ม HDL ไขมันชนิดดีที่จะช่วยลด LDL ไขมันร้ายที่ทำให้หลอดเลือดอุดตัน เป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจ และหลอดเลือด
-ป้องกันการจับตัวเป็นก้อนของเลือด
-ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบไหลเวียนในโลหิต เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
-ช่วยลดอาการเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน หัวใจวาย
-ช่วยเสริมให้ผนังเซลล์แข็งแรง
-ช่วยป้องกัน และรักษาอาการปวดศีรษะ หรือไมเกรน
-ช่วยให้เส้นประสาทตาแข็งแรง ลดโอกาสเป็นต้อกระจก
-สามารถช่วยลดอาการอักเสบของไขข้อ และซ่อมแซมเนื้อเยื่อใหม่ ในผู้ป่วยโรคเก๊าท์ หรือไขข้ออักเสบ
-ช่วยบำรุงสมอง และความจำดีขึ้น
-ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ผิวยืดหยุ่นดี ไม่แห้งเป็นขุย
#น้ำมันปลาคือ น้ำมันที่สกัดได้จากส่วนที่เป็น เนื้อ หัว และหางของปลา ซึ่งส่วนที่ดีที่สุดควรจะเป็นส่วนของเนื้อปลา และควรได้มาจากปลาที่อาศัยอยู่ในทะเลน้ำเย็นลึก เช่น ปลาแซลมอน ซึ่งสารอาหารที่สำคัญของน้ำมันปลาคือ กรดไขมันไม่อิ่มตัว โอเมก้า 3 ที่สามารถแบ่งย่อยได้อีก 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ อีพีเอและดีเอชเอ ซึ่งสารอาหารส่วนที่สำคัญสำหรับการทำงานของเซลล์สมองก็คือ ดีเอชเอ นั่นเอง
#โอเมก้า 3 กับผลการวิจัยด้านสุขภาพ
โอเมก้า 3 กับหัวใจและหลอดเลือด
ช่วยลด และควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์ รวมถึงคอเลสเตอรอลในเลือดให้อยู่ในภาวะปกติ รวมทั้งช่วยขยายหลอดเลือดแดงซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนเลือดให้ไปเลี้ยงหัวใจ
#โอเมก้า 3 กับสุขภาพผิว
เนื่องจากผิวเรามีน้ำมันเป็นองค์ประกอบ ดังนั้น การทานโอเมก้า 3 จะช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง มีน้ำนวล เนียนนุ่น
#โอเมก้า 3 กับสมองและการเรียนรู้
มารดาที่ได้รับกรดโอเมก้า 3 ขณะการตั้งครรภ์ จนลูกน้อยอายุ 4 ปี พบว่าเด็กมีระดับไอคิวสูงกว่ามารดาที่ไม่ได้รับกรดโอเมก้า 3
#โอเมก้า 3 สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ อีพีเอ (EPA) และ ดีเอชเอ (DHA)
EPA จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องของไตรกลีเซอไรด์สูง และปวดบวมข้ออักเสบ
DHA จะให้ประโยชน์หลักในเรื่องของการดูแลสุขภาพสมอง โดยการส่งเสริมพัฒนาการ และเซลล์สมองให้สมบูรณ์ รวมถึงสุขภาพดวงตาด้วย
#วิธีรับประทาน
รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร
#ส่วนประกอบ :
กรดไอโคชาแพนตา อิโนอิก อีพีเอ180 มก.
กรดโดโคชาเฮกชาอีโนอิก ดีเอชเอ120 มก.
วิตามินอี2.5 มก.
#หลักการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาที่ดี :
-มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง 1000 มิลลิกรัม
-ควรมีสัดส่วนของกรดไขมัน อีพีเอ และ ดีเอชเอ ในอัตราส่วน 3 : 2
-ต้องมีวิตามีนอีเป็นส่วนประกอบเพื่อรักษาประสิทธิภาพของน้ำมันปลาให้คงอยู่ยาวนาน
-ต้องผ่านขั้นตอนการควมคุมคุณภาพ เพื่อให้ได้น้ำมันปลาที่มีคุณภาพและปราศจากสารปนเปื้อน
#ข้อควรระวังในการรับประทานน้ำมันปลา :
-ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ปลาทะเลหรือน้ำมันปลา
-ห้ามใช้ในผู้ที่เลือดแข็งตัวช้า หรือผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือแอสไพริน