หนังสือ เคียร์เคอการ์ด...ฉบับกระชับ ของแพทริก การ์ดิเนอร์
หนังสือ เคียร์เคอการ์ด...ฉบับกระชับ ของแพทริก การ์ดิเนอร์
พุทธิพงศ์ อึงคนึงเวช และภาคิน นิมมานนรวงศ์ แปล
มนภัทร จงดีไพศาล บรรณาธิการต้นฉบับ
เข้าเล่มปกอ่อนจำนวน 304 หน้า
__________________________________
ซอเรน เคียร์เคอการ์ด เป็นนักคิดที่มีข้อเสนอสดใหม่มากที่สุดคนหนึ่งในช่วงศตวรรษที่ 19
งานเขียนของเคียร์เคอการ์ดครอบคลุมหลากหลายสาขา ทั้งศาสนา จิตวิทยา และงานแนววรรณกรรม
หนังสือเล่มนี้จะแสดงให้เห็นว่าเคียร์เคอการ์ดมีพัฒนาการทางความคิดที่ตรงข้ามกับความคิดกระแสหลักในยุคของเขาอย่างไร โดยจะอธิบายท่าทีที่เคียร์เคอการ์ดมีต่อแนวคิดจริยศาสตร์และแนวคิดเกี่ยวกับศาสนาของคานท์และเฮเกล
นอกจากนั้นหนังสือเล่มนี้ยังแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างจุดยืนทางความคิดของเคียร์เคอการ์ด และแนวคิดอื่นๆ ที่ได้รับการพัฒนาต่อมา โดยนักคิดอย่างฟอยเออร์บาคและมาร์กซ์อีกด้วย
แนวคิดที่ทรงอิทธิพลของเคียร์เคอการ์ดเกี่ยวกับการวิเคราะห์ลักษณะของมนุษย์และให้ความสำคัญกับการเลือกของปัจเจกโดยเฉพาะส่วนที่นำไปขยายต่อยอดเป็นแนวคิดปรัชญาอัตถิภาวนิยม (existentialism) ก่อให้เกิดการโต้เถียงอย่างต่อเนื่องว่าอาจเป็นแนวคิดทางปรัชญาที่สุดยอดที่สุดของเขา
ส่วนแนวคิดทางศาสนาก็น่าสนใจแต่ก็มีความขัดแย้งในตัวเองและยังเป็นที่ถกเถียงอย่างกว้างขวางเช่นกัน
ทั้งหมดนี้แพทริค การ์ดเนอร์ได้สรุปเนื้อหาเบื้องต้นที่สามารถเข้าใจง่ายเอาไว้แล้ว และใช้วิธีที่แสดงให้เห็นว่าเคียร์เคอการ์ดมีอิทธิพลอย่างไรบ้างต่อแนวคิดร่วมสมัย
___________________________________
หลักคิดของข้าพเจ้าก็คือ ในยุคสมัยของเรานั้น ความรู้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลทำให้พวกเราหลงลืมไปว่า การดำรงอยู่ หมายความว่าอย่างไร และอะไรที่ ภาวะภายใน กำลังบอกเรา
ซอเรน เคียร์เคอการ์ด
__________________________________
ถ้าเราดูแพทเทิร์นคนที่ประสบความสำเร็จ เราก็มักจะเห็นอะไรบางอย่างที่เป็นจุดร่วมหรือคล้ายกัน เช่น รักในสิ่งที่ทำมากและมีแพสชันเสมอ
อาจจะเพิ่มเติมในมุมของเคียร์เคอการ์ดอีกนิดว่า เวลาเรามีภาพอุดมคติว่าอยากมีชีวิตแบบไหน อยากมีอาชีพแบบไหน อยากเป็นคนยังไง หนทางที่จะไปสู่ภาพอุดมคตินั้นจะเปี่ยมด้วยความหมายก็ต่อเมื่อเราผูกโยงตัวเองกับความรับผิดชอบให้มากที่สุด
เพราะสิ่งนี้จะเรียกร้องให้เราดูแลคนอื่นไปด้วยระหว่างทางที่เดินไป ความหมายที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่าจริงๆ ไม่ได้เกิดจากการพัฒนาชีวิตของเราคนเดียว แต่จะเกิดจากการที่เราได้เห็นชีวิตคนอื่นดีขึ้น หรือเติบโตไปได้ในแบบของตัวเอง
พุทธิพงศ์ อึงคนึงเวช หนึ่งในผู้แปล