หนังสือ สูญสิ้นความเป็นคน -วรรณกรรมคลาสสิกญี่ปุ่น เปิดเปลือยชีวิตอัปยศ รอยมืดหม่นในอดีต
ผมผ่านชีวิตอันมากด้วยความอัปยศ
เพียงประโยคขึ้นต้นของบันทึกฉบับแรกก็สร้างแรงดึงดูดมหาศาล ให้ข้าพเจ้าสนใจใคร่รู้ว่าเจ้าของบันทึกมีเส้นทางชีวิตเป็นมาเช่นไร ถึงได้ยอมเปิดเปลือยบาดแผลและรอยมืดหม่นในอดีต ร้อยเรียงเป็นตัวอักษรให้ปรากฏแก่สายตาคน ซ้ำยังรวบสรุปชีวิตของตนด้วยถ้อยคำบาดลึกเช่นนี้
ผลงานชิ้นเอกจาก ดะไซ โอซามุ นักเขียนผู้มีบทบาทสำคัญต่อวรรณกรรมญี่ปุ่นสมัยใหม่ ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นเสมือน พินัยกรรม สะท้อนชีวิตของเขา
สูญสิ้นความเป็นคน คือบันทึกเรื่องราวในชีวิตของชายที่ชื่อ โอบะ โยโซ ถูกนำมาตีพิมพ์โดยนักเขียนนิยายคนหนึ่งซึ่งบังเอิญได้รับสมุดบันทึกของโยโซมาสามเล่มจากคนที่เคยรู้จักกับโยโซมาก่อน โดยไม่ผ่านการตัดต่อหรือปรุงแต่งเพิ่มเติมแต่อย่างใด
เนื้อหาในแต่ละเล่มจะแบ่งออกตามช่วงชีวิตในสามช่วงเวลาของโยโซ คือ วัยเด็ก วัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ จากชีวิตสุขสบายในครอบครัวใหญ่ บิดาเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ต่อมาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยใช้ชีวิตเสเพลจนเสียการเรียน สุดท้ายตกอับหมดสภาพ
เปิดเรื่องด้วยภาพถ่ายสามใบ หลังจากนั้นชายหนุ่มก็บอกเล่าชีวิตของเขาผ่านบันทึกสามฉบับ เพื่อค้นหาว่า การใช้ชีวิตของมนุษย์ สำหรับผมเเล้วช่างเป็นสิ่งลึกลับยากจะเข้าใจ... ต้องเเลกมาด้วยอะไรบ้าง จะตัดสินว่าตัวเอกของเรื่องเป็นคนหม่นเศร้า ซึ่งถนัดกลบเกลื่อนชีวิตด้วยภาพตลกอันไม่เคยมีอยู่จริง หรือมองว่านี่คือก้นบึ้งชีวิตของนักเขียนดัง ผู้ซึ่งไม่เคยประสบความสำเร็จ ในการทำให้ตัวเองมีความสุข ก็ล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น... ข้าพเจ้าเคยเห็นรูปถ่ายของชายผู้นั้นสามใบ
ใบเเรกอาจเรียกว่าเป็นรูปในวัยเด็ก เขาน่าจะอายุราวๆ สิบขวบ ยืนอยู่ริมสระน้ำในสวนกลางผู้หญิงกลุ่มใหญ่ (เดาว่าคงเป็นพวกพี่สาว น้องสาว เเละลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมด) สวมกางเกงฮากามะ ลายทางหยาบๆ เอียงศีรษะเล็กน้อยไปทางว้ายประมาณสามสิบองศา ริมฝีปากเเสยะยิ้ม น่าชัง...น่าชัง งั้นหรอ จริงอยู่ว่าหากมองจากคนไม่คิดมาก ทึ่มทื่อ ไม่ใส่ใจรูปลักษณ์หรือความงาม พวกเขาคงเอ่ยชมเเบบขอไปทีด้วยสีหน้าไม่รู้สึกรู้สาว่า พ่อหนูน่าเอ็นดูดีนะ
ว่ากันตามตรง คำกล่าวนั้นไม่ถึงกับดูโจ่งเเจ้งว่าเป็นการชมตามมารยาท เนื่องจากรอยยิ้มของเด็กชาย ใช่ว่าจะไร้ร่องรอย ความน่ารัก ดังคนทั่วไปรู้สึกกัน เเต่หากมองจากคนที่ได้รับการฝึกฝน ขัดเกลา เรื่องความงาม เเละความอัปลักษณ์มาบ้าง เเม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตามที มองเเค่พริบตาก็คงนิ่วหน้าเเละบ่นพึมพำด้วยท่าทางไม่พอใจอย่างยิ่งว่า เด็กอะไรไม่น่ารักเลย เผลอๆ อาจจะถึงขั้นใช้มือปัดรูปทิ้งเหมือนไล่ตัวบุ้งน่ารังเกียจก็เป็นไปได้
อา...รอยยิ้มของเด็กชายในรูป ยิ่งพิศดูก็ยิ่งชวนให้รู้สึก เเขยงจนเส้นขนลุกชัน ไม่สิ นั่นไม่ใช่รอยยิ้มด้วยซ้ำเขาไม่ได้พรายยิ้มเเม้เเต่น้อย เด็กชายยืนทื่อกำมือเเน่นทั้งสองข้าง ซึ่งคงไม่มีมนุษย์หน้าไหนพรายยิ้มได้ทั้งที่กำมือเกร็งเเน่นเช่นนี้ ลิงต่างหาก เป็นใบหน้าเเสยะยิ้มของลิงโดยเเท้ เพียงเเยกเขี้ยว ยิงฟังจนทั้งหน้ายับยู่น่าเกลียด ดูพิลึกผิดวิสัย เป็นรูปถ่าย ในหน้าที่เเฝงร่องรอยเเปดเปื้อนโสมม ชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึก สะอิดสะเอียน จนนึกอยากจะเรียกว่า เด็กหน้าย่น
ดะไซ โอซามุ เขียน
พรพิรุณ กิจสมเจตน์ แปล
224 หน้า ปกอ่อน