พญาคขสารในจักรนารายณ์ เหรียญสัญลักษณ์แห่งการป้องกันอันตราย ขอบกษาปณ์
พระนารายณ์มี ๔ กร ทรงถือสิ่งต่างๆ ๕ อย่าง จึงได้นามว่า “ปัญจาวุธ” ดังที่ลิลิตโองการแช่งน้ำว่า “สี่มือถือสังข์จักรคทาธรณี” ซึ่งนับได้ก็มี ๕ อย่าง คือ
๑. สังข์ สังข์นี้ชื่อว่า “ปาญจะชันยะ”
๒. จักร มีชื่อว่า สุทรรศนะ หรือ วัชรนาภ
๓. คทา มีชื่อว่า เกโมทที
๔. ธรณี มักทำเป็นดอกบัว เพราะพราหมณ์มักเปรียบแผ่นดินดังดอกบัวหลวง
นอกจากอาวุธ ๔ อย่างนี้แล้ว พระนารายณ์ยังมีธนูและพระขรรค์อีก ธนูชื่อ ศารนคะ (แปลว่าทำด้วยเขาสัตว์) พระขรรค์ชื่อว่า นนทกะ (แปลว่าชื่นใจ)
พาหนะของพระนารายณ์ก็คือครุฑ
พระนารายณ์ เป็นเทวดาผู้เป็นใหญ่ฝ่ายปราบปราม มีกายเป็นสีดอกตะแบก มี ๔ กร ซึ่งกรทั้ง ๔ นั้น ถืออาวุธต่างๆ กัน คือ คทา ตรี จักร สังข์ ทรงมงกุฎชัย(ชฎาเดินหน) ประทับอยู่กลางเกษียรสมุทรบนหลังพญานาค ชื่ออันตนาคราชพระมเหสีของพระองค์ คือ พระลักษมี ทรงใช้ครุฑเป็นพาหนะ พระนารายณ์ มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีก เช่น พระทรงครุฑ พระสี่กร พระทรงสังข์ พระวิษณุ พระธราธร พระสังขกร
หน้าที่ของพระนารายณ์คือพิทักษ์โลก สงวนโลกปราบทรชนเหมือนรัฐมนตรีมหาดไทย เมื่อโลกเกิดยุคเข็ญพระนารายณ์ก็จะเสด็จลงมาปราบ ซึ่งเรียกว่า “อวตาร” อย่างที่เราทราบก็เรื่องรามเกียรติ์ ก็เป็นเรื่องพระนารายณ์อวตารลงเป็นพระรามปราบทศกัณฐ์ละ การอวตารแต่ละครั้งเรียกว่า “ปาง” ส่วนจำนวนปางในคัมภีร์ปุราณะต่างๆ ก็ไม่แน่นอน บ้างก็ว่า ๑๐ ปาง บ้างก็ว่า ๒๔ ปาง บ้างก็ว่านับไม่ถ้วน แต่ที่สำคัญๆ ก็มี ๑๐ ปางที่เราเรียกว่า “นารายณ์สิบปาง” เทียบกับพุทธศาสนาก็เห็นจะตรงกับคำว่า “ชาดก”