ผมเรียกเขาว่าเน็กไท ปกใหม่(พิมพ์ครั้งที่3)
ระยะเวลาพรีออร์เดอร์ 6-16 ธันวาคม 2564
จัดส่งประมาณ 21 ธันวาคม 2564
แปลจากหนังสือ: I Call Him Necktie
ผู้เขียน: Milena Michiko Flašar
ผู้แปล: สิริยากร พุกกะเวส มาร์ควอร์ท
ออกแบบปก: Chalermpun Punjamapirom
สำนักพิมพ์: Merry-Go-Round Publishing
จำนวนหน้า: 168 หน้า ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่ 3 — ตุลาคม 2566
ISBN: 9786169434108
เคยอ่านจากไหนก็จำไม่ได้เสียแล้ว สำหรับคำกล่าวที่ว่า ‘เราไม่ควรโยนทั้งชีวิตทิ้ง เพียงเพราะมันบุบสลายเล็กน้อย’
ยกประเด็นที่ว่า บุบสลายแค่ไหนจึงเรียกว่ามาก-น้อย เอาไว้ก่อน ประโยคนี้เหมือนจะเป็นการบอกกันอย่างกลายๆว่า ‘ชีวิตนั้น บ่อยครั้งไม่สมบูรณ์แบบ’ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็จะ ‘อยู่กันไปได้’
‘ผมเรียกเขาว่าเน็กไท’ เล่าเรื่องของคนไม่สมบูรณ์แบบสองคนที่มาพบกันอย่างบังเอิญในที่ที่ตนเองไม่สมควรอยู่ คนหนึ่งเป็นชายวัยยี่สิบเศษ มีอาการที่เรียกกันว่า ‘ฮิกิโกะโมริ’ ขังตัวเองอยู่ในห้องมานานนับปี อีกคนเป็นชายวัยกลางคน เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ควรทำงานหัวหมุนอยู่ในบริษัท แต่ทั้งคู่ก็มาพบกันที่สวนสาธารณะ ตอนกลางวัน ในวันหนึ่งที่แสนธรรมดา
เรื่องราวต่อจากนั้นคือการบอกเล่าว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้คนแรกเลือกขังตัวเองไว้ และมีเบื้องหลังอะไรที่มากไปกว่าที่เราพอจะคาดเดาได้ ในวันที่พบว่าตนเองไม่เป็นที่ต้องการในที่ทำงานอีกต่อไป ชายคนหนึ่งจึงเลือกที่จะปิดบังความจริงข้อนี้ไว้แม้แต่กับผู้หญิงที่เขาเรียกว่า คู่ชีวิต
พูดอีกแบบก็คือ หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดโศกนาฏกรรมส่วนตัวของคนธรรมดา และการเรียนรู้จากโศกนาฏกรรมของคนอื่น โดยที่เป้าหมายอาจไม่ใช่เพื่อแก้ไขหรือแม้แต่ก้าวข้ามรอยด่างในชีวิตตนเอง แต่คือการอยู่ร่วมกับมันให้ได้...อยู่ให้รอด
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่หนังสือของคนสายโลกหม่นดาร์ก ฝนตกทุกวัน ท้องฟ้ามีเมฆครึ้มลอยต่ำตลอดเวลาอะไรทำนองนั้น
แต่มันคือนิยายอุ่นปนขมที่บอกกับเราว่า ต่อให้ไม่สมบูรณ์แบบ ถึงอย่างไร ชีวิตก็ยังเป็นชีวิต และหลายประโยค หลายช่วงตอนในหนังสือ ทำให้เรารู้สึกรู้สมในระดับหยั่งรากลึก
—-
QUOTES
“คนที่ได้ยินแค่การหัวเราะในเสียงหัวเราะคือคนหูหนวก หนวกยิ่งกว่าหนวก”
“มีคนบอกว่าคนเราเกิดมาแค่ครั้งเดียว แล้วทำไมเราถึงตายครั้งแล้วครั้งเล่า”
“อะไรคือตลอดกาล เราเป็นดอกไม้ไฟ สว่างวาบแล้วก็จางหาย เราส่องประกาย แล้วไม่นานก็ตายจาก”
“มันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร จุดที่เราทำให้อีกฝ่ายผิดหวังมากขนาดนี้”
“ผมคิดว่รการโตขึ้นถือเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวง เราคิดว่าเราชนะ แต่เอาเข้าจริงเรากลับพ่ายแพ้และเสียตัวตนของเราไป ผมไว้อาลัยให้กับเด็กชายที่เคยเป็น”
“นั่นแหละเน็กไท มันต่างหากที่สวมคุณ ไม่ใช่คุณสวมมัน”