ขาย ต้นชงโคฮอลแลนด์ สูง 70 ซมขึ้นไปส่งพร้อมกระถาง 10-11 นิ้ว ราคาถูก
ชงโคฮอลแลนด์ (Hong Kong orchid tree) หรือ ชงโคออสเตรเลีย เสี้ยวดอกแดง ชงโคเสี้ยวเลื่อย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bauhinia × blakeana Dunn อยู่ในวงศ์ FABACEAE เป็นพรรณไม้ต่างประเทศที่มีถิ่นกำเนิดทางตอนใต้ของประเทศจีน ฮ่องกง และในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชงโคฮอลแลนด์เป็นลูกผสมระหว่างชงโคและเสี้ยว โดยชื่อชงโคฮอลแลนด์เป็นชื่อที่ไม่เกี่ยวกับประเทศฮอลแลนด์แต่อย่างใดแต่อาจจะเป็นเพราะลักษณะดอกที่มีขนาดใหญ่และโดดเด่นกว่าพันธุ์ทั่วไปจึงตั้งชื่อให้ดูน่าสนใจเท่านั้น
จัดเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งโดยชาวฮินดูมีความเชื่อว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของสวรรค์ที่มีอยู่บนเทวโลก ดังนั้นจึงควรเคารพบูชากราบไว้แล้วจะช่วยให้บังเกิดความเป็นสิริมงคลขึ้นแก่ผู้ที่เคารพบูชาและกราบไว้ นอกจากการปลูกเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้วยังมีประโยชน์ช่วยให้ร่มเงา ให้ความสวยงามร่มรื่น และสามารถช่วยฟอกอากาศทำให้บริเวณรอบ ๆ มีอากาศสะอาดบริสุทธิ์และมีอุณหภูมิที่เย็นสบายขึ้น เหมาะแก่การนำไปปลูกจักตกแต่งเป็นมุมพักผ่อนแบบชิว ๆ ในวันหยุดมาก ๆ เลยค่ะ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของ ชงโคฮอลแลนด์ (Hong Kong orchid tree)
ชงโคฮอลแลนด์ เป็นไม้ยืนต้นทรงพุ่มขนาดกลาง มีความสูงเฉลี่ยประมาณ 5-15 เมตร ลำต้นมีสีน้ำตาล ผิวขรุขระ แผ่กิ่งก้านสาขาออกเป็นพุ่มกว้าง รูปทรงพุ่มไม่แน่นอน มีใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน ใบโค้งมน ปลายเว้าลึก คล้ายรูปหัวใจ มักจะผลิใบในช่วงฤดูร้อน ประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม
มักจะออกดอกเป็นช่อตามซอกใบตามบริเวณปลายกิ่ง ในแต่ละช่อจะประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนหลายดอก ดอกย่อยมีกลีบดอก 5 กลีบ มีสีชมพูอมม่วงเข้มขนาดใหญ่ ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ สามารถออกดอกได้ตลอดปี แต่จะออกดอกมากกว่าปกติในช่วงฤดูหนาว มีผลเป็นรูปทรงรียาวสีเขียว เมื่อปลูกในไทยมักจะไม่ค่อยติดผลเท่าไหร่นัก
การปลูกเลี้ยงและการใช้ประโยชน์ของชงโคฮอลแลนด์
ชงโคฮอลแลนด์ ขยายพันธุ์โดยวิธีการปักชำและการตอนกิ่ง สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี ต้องการน้ำปานกลาง ควรรดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่นำไปปลูกด้วย สามารถทนแล้งได้ดี ไม่ชอบพื้นที่ที่มีน้ำขังหรือชื้นแฉะมากเกินไป ชอบแสงแดดจัดตลอดวันสามารถปลูกไว้กลางแจ้งได้ เมื่อได้รับแสงมากเพียงพอก็ยิ่งจะทำให้ชงโคฮอลแลนด์สามารถเจริญเติบโตและแข็งแรงมากขึ้น นอกจากนี้ควรมีการใส่ปุ๋ยคอกเดือนละครั้งเพื่อเพิ่มสารอาหารในดินอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ต้นไม้ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง
